ความมีเมตตาต่อตัวเอง (Self Empathy)

ความมีเมตตาต่อตนเอง หรือ “Self Empathy” ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมาบ้าง แต่ไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ จนกระทั่งแฟนของเพื่อน (อักษรย่อจ.จิ๊ก) ให้เราช่วยเช็คเนื้อหา e-book พัฒนาตัวเอง ที่พี่แกกำลังเขียนอยู่ พอเห็นคำนี้สะกดออกมาในรูปแบบลายลักษณ์อักษร แว้บแรกก็แบบเฮ้ย อิมแพ็คว่ะ อยากเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง

พอได้หัวข้อมา เราก็เลยถามตัวเองว่า ทุกวันนี้เรามีความเมตตาต่อตนเองมากพอหรือยัง? และเรียบเรียงออกมาเป็นบทด้านล่างนี่แหละ

ความเมตตาต่อตนเอง คืออะไร

ความเมตตาต่อตนเอง คือความเข้าใจในสถานการณ์รอบด้านไม่ว่าจะร้ายหรือดี และให้ความเห็นอกเห็นใจกับตัวเองภายใต้สถานการณ์เหล่านั้น

ยกตัวอย่าง เช่น เราสมัครงานบริษัทในฝัน ซึ่งคิดมาแล้วว่าโอกาสได้งานน่าจะ 80% แน่ๆ แต่! มีคนที่เหมาะสมกับงานมากกว่าเรา และบริษัทก็เลือกเค้า บทสรุป เราไม่ได้งาน นอยแดก

ในกรณีนี้ทุกคนจะต้องรู้สึกแย่อยู่แล้ว อาจจะรู้สึกว่าตัวเองดีไม่พอ ไม่มีความสามารถมากพอ งานที่เคยทำผ่านมา portfolio ชั้นไม่มีค่าบ้างเลยหรือ? หยุดค่ะ! หากเรามีความมีเมตตาต่อตัวเอง มันจะช่วยหยุดยั้งความคิดด้านลบของเรา และอาจจะปลอบใจเราเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไรนะ ยังมีงานอีกเป็นร้อยพัน เราไม่ได้งานนี้ ไม่ใช่เพราะเราไม่มีคุณสมบัติมากพอ แต่ลักษณะงานอาจจะไม่เข้ากับเรา และผู้ว่าจ้างก็มองเห็นสิ่งนี้ เราก็สู้ๆ มองหางานที่เหมาะสมต่อไป” เนี่ยยยย…. มันเจ๋งมากเลยเว่ย

จะเห็นได้ว่า คุณลักษณะของ skill นี้ มันคือการ

• ทำความเข้าใจสถานการณ์ แยกสิ่งที่ควบคุมได้ กับควบคุมไม่ได้ ออกจากกัน

• มองภาพใหญ่ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม you’ll be okay

• ปล่อยความคิดให้เป็นอิสระในพื้นที่เล็กๆ นี้ ไม่ตัดสิน ไม่มีดีหรือร้าย ไม่มีสิ่งที่แย่ที่สุดและไม่มีสิ่งที่ดีที่สุด

• ไม่โทษตัวเอง

• ปลอบประโลม และให้กำลังใจ

และเมื่อไหร่ก็ตามที่เราฝึกฝนสกิลนี้มากๆ แล้ว ทุกครั้งที่เราล้ม มันจะช่วยให้เราลุกขึ้นมาและก้าวขาได้อีกครั้ง ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าเราจะล้มอีก แต่เราจะไม่หยุดเดิน

เมื่อไหร่ที่เราต้องการความเมตตาต่อตนเอง?

คำตอบคือทุกเมื่อ แต่ลองสังเกตดู มันจะมีช่วงเวลาที่เราต้องเมตตาต่อตนเองเป็นพิเศษ เช่น

• ตอนที่ทำสิ่งที่มุ่งหวังไม่สำเร็จ

• เมื่อทำผิดพลาด

• ตอนที่เหนื่อยล้าและท้อแท้

• เมื่อมีความรู้สึกด้านลบรุนแรง รัก โลภ โกรธ หลง อิจฉา

วิธีการสร้างความเมตตาต่อตนเอง

เทคนิคในการ acquire สกิลนี้ มีเพียงการฝึกจิตเท่านั้น!!

• รู้ตัวว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น และเขียนมันลงไป จะใน note หรือ journal ก็ได้ ระบายออกมา โดยไม่ต้องทำอะไรกับมัน — วิธีนี้มันคือการจับความคิดตัวเองว่าเรากำลังรู้สึกอะไรอยู่ในขณะนั้น ซึ่งพอเวลาผ่านไปแล้ว เรากลับมาอ่าน ความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ มันอาจจะไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว ลอยไปกับอากาศแล้ว เหลือแค่ตัวอักษรที่ยังอยู่

• ให้กำลังใจตัวเอง — ใน journal ของเรา จะมีคำว่า “สู้ๆ” กับ “love you” เยอะมาก 5555 ซึ่งเราจะเขียนบอกตัวเองไว้เสมอ เวลาเราเผชิญกับเรื่องราวไม่ดี

• เข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่างๆ — ลองค้นดูว่าเรามีความเข้าใจโลกนี้อย่างไรบ้าง และยึดถือสิ่งนั้นเป็นพลัง มีหลายคอนเส็ปต์เลย เช่น good day/bad day ไม่ใช่ทุกวันเป็นวันของเรา, อย่าลืมว่าเราเป็นมานุด it is completely normal, ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป

• มองอีกมุม — คิดว่าถ้าเป็นคนอื่น เราจะปลอบเขาว่าอย่างไร แล้วลองพูดแบบนั้นกับตัวเองดูบ้าง

• ให้รางวัลตัวเองบ้าง - There is always an inner child inside you, don’t forget to take that kid to a convenient store to get snacks from time to time. นั่นแหละ พาเด็กคนนั้นไปร้านขนม แล้วบอกว่า วันนี้เลี้ยง ทำได้ดีมาก 👍

ทั้งนี้ทั้งนั้น อย่าลืมว่าเราไม่ได้แข็งแกร่งทุกวัน บางวันเราอาจจะเอาชนะ negative thoughts ของเราไม่ได้จริงๆ ก็แพ้บ้าง ไม่เป็นไรค่ะ

อย่าย่อท้อ! ทุกๆ ครั้งที่เราพยายามมันคือการสะสมประสบการณ์ไปเรื่อยๆ และทำให้เราแข็งแกร่งขึ้นทีละนิด

เป็นกำลังใจให้ นักสู้ที่อ่อนโยนทุกคนค่ะ 💐

มะปราง